Website ที่เกี่ยวข้อง








Website ที่เกี่ยวข้อง
http://worldprothai.siam2web.com

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บทความที่ 9 ธุรกิจเครือข่ายMLMหนทางสู่ความสำเร็จ....หรือล้มเหลว


สิ่งที่ผมได้ยินอยู่บ่อยๆคือ 95%ของผู้ทำธุรกิจเครือข่ายคือความล้มเหลวและอีก5%นั้นคือผู้สำเร็จ เมื่อได้ยินคำบอกเล่าเช่นนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเกิดอะไรกับคน95% ที่กำลังทำธุรกิจเครือข่ายอยู่กันแน่ เพราะอะไรจำนวนคนที่ล้มเหลวถึงได้มากมายขนาดนั้นและจากที่ผมศึกษาดูแล้วก็ได้คำตอบดังนี้(หลายๆท่านอาจจะค้านก็ได้นะครับ)

1.  เพราะเขาไม่เข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายก็คือธุรกิจขายตรงแต่เปลี่ยนจากที่จะได้รายได้แบบชั้นเดียวคือได้เปอร์เซ็นจากการขาย(SLM)มาเป็นการขยายสายงานแบบหลายชั้นได้(MLM)  จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสินค้ามากนัก

2. การรีบร้อนเกินไป  หลายๆคนมักจะรีบร้อนที่อยากจะโตไวๆเพื่อที่จะได้รับค่าตอบแทนสูงๆเร็วๆ  สิ่งนั้นถ้าเป็นการทำเพื่อให้ใจฮึกเหิมหรือเป็นการกระตุ้นตัวเองก็ไม่ผิด หรอกนะครับ  แต่หลายๆคนกลับใช้วิธีการไปหลอกผู้อื่น  หลอกเอาคนใกล้ๆตัวบ้างหลอกเอาเพื่อนมาบ้างเพื่อที่จะหวังผลประโยชน์จากคนที่ เราแนะนำและสุดท้ายก็ต้องมาสูญเสียทีมงานไปและตัวเราก็ต้องออกจากอาชีพนี้ไป ในที่สุดเพราะไม่สามารถที่จะชักชวนใครได้อีก  กลายเป็นเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาเสียทั้งเพื่อนและคนรู้จักไป

3. การทำธุรกิจทุกธุรกิจต้องใช้เวลา  อย่าคิดว่าจะสำเร็จได้เพียงชั่วข้ามคืนต้องมองให้ออกว่าธุรกิจไม่ได้สำเร็จ กันอย่างง่ายๆทุกอย่างต้องใช้เวลาด้วยกันทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจของเราเองหรือลูกจ้างเขาก็ตามต้องใช้เวลาด้วยกันทั้งสิ้น

4. การสอนทีมงานเป็น  การที่ธุรกิจจะเติบโตได้ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปได้ด้วยตัวคนเดียวการขับเคลื่อน องค์กรทีมงานนั้นทุกฝ่ายและทุกคนสำคัญทั้งหมดดังนั้นต้องสอนให้เขาทำงานเป็น คุณเองคงไม่อยากเหนื่อยอยู่คนคนเดียวใช่มั๊ยครับ  การที่ทีมงานทำงานกันเป็นและทำงานอย่างมีระบบนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก  คุณต้องสอนให้ทีมงานเขาตกปลาเป็นอย่าเพียงหาปลามามาใส่มือให้เขา  และเมื่อทุกคนหาปลาเองกันเป็นเขาเองก็ไม่อดอยากและคุณเองก็ไม่ต้องมาเหนื่อย

5.ต้อง ศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง  เพราะการเก็บเกร็ดความรู้แม้จะเล็กๆน้อยๆก็มีประโยชน์  และถ้าได้ฟังหรืออ่านบทความประสบการณ์ของผู้อื่นได้ด้วยนั้นก็ยิ่งเป็นสิ่ง ดีเพราะจะทำให้เรามีจิตใจที่ฮึกเหิมขึ้น

6.การแนะนำสินค้าได้  ถึงธุรกิจMLMอาจ จะไม่ต้องขายสินค้าเลยแต่ธุรกิจนี้ก็เกี่ยวข้องกับสินค้าอย่างชัดเจนฉะนั้น เราเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรู้จักสินค้าในบริษัทของเรา  และสามารถแนะนำให้ลูกทีมหรือลูกค้าของเราได้  และถ้าสินค้าไหนที่เราไม่เคยได้ทดลองใช้ก็ไม่ควรจะแนะนำ  นอกเสียจากลูกค้าของคุณสนใจสินค้าจาก Catalog เอง  เรา ต้องเข้าใจว่าสินค้าจากธุรกิจของเรานั้นราคาค่อนค้างสูงกว่าท้องตลาด ฉะนั้นคุณเองต้องเสนอได้ว่าสินค้านั้นคุ้มกว่าตามท้องตลาดอย่างไรเพื่อจะได้ แนะนำให้ลูกทีมหรือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

7. ควรดูความต่างหลายๆบริษัทก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วม  ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สินค้า,  การรักษายอด,  การคำนวณเงินเริ่มต้นธุรกิจ,  ค่าPV (ค่าPVแต่ละบริษัทนั้นมีการวัดค่าจากPVที่ต้องทำ  หารด้วยจำนวนเงินที่ต้องลงทุน เช่นบริษัทนี้ด้องการ2000PV  ในการลงทุน  และสินค้าที่จะซื้อให้ครบ2000PV อยู่ที่ราคา5000บาท  ก็นำ5000มาหารด้วย2000จะเท่ากับค่าPVแต่ละคะแนน  จุดนี้คนส่วนใหญ่มักไม่ได้มอง  แต่เป็นจุดที่สำคัญนะครับ  ผมเคยเห็นบางที่ตกPVละ30-50บาทต่อ1 PVก็มี),  แผนการจ่ายเงิน,  บริษัทถูกกฎหมายหรือไม่,  สินค้าต้องใช้วิทยาศาสตร์วัดได้ (เพราะ บางบริษัทใช้ความรู้สึกในการวัด  ยกตัวอย่างเช่นสินค้าอาหารเสริมที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงแต่ก็ไม่ได้มีหลัก ในวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้มารองรับ), สินค้าประเภทบริโภคต้องผ่านองค์การอาหารและยา
8. ธุรกิจควรเริ่มตั้งแต่ยังไม่มีภาระ  เช่นนักศึกษา  หรือผู้มีงานที่ได้รายได้ตายตัวทำประจำอยู่แล้ว  เพราะที่หลายๆคนต้องการรีบโตในธุรกิจนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีภาระมาก  ต้องการใช้เงิน  จึงต้องไปหลอกผู้อื่นมา  จนลืมคิดไปว่ารายได้ส่วนหนึ่งนั้นต้องมาจากการสอนทีมงานให้ดูแลลูกค้าของตัว คุณเอง  และเมื่อคุณหลอกเขามาทำเขาทำธุรกิจไม่ได้  เขาก็ตายจากอาชีพคุณเองก็ต้องตายตามไปด้วย  แต่ถ้าเราเริ่มธุรกิจนี้ในขณะที่เราไม่ได้มีภาระอะไรก็ไม่ต้องรีบร้อน  ทำธุรกิจของเราให้ค่อยๆโตขึ้นเรื่อยๆ  จนมีรายได้จากธุรกิจมากพอค่อยเปลี่ยนจากPart-Time มาเป็นFull-Timeก็ยังไม่สายใช่มั๊ยครับ

ฉะนั้น หนทางของความสำเร็จหรือล้มเหลวนั้นมันมีปัจจัยหลายๆอย่าง  เราไม่ควรที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไป  ธุรกิจทุกๆธุรกิจก็ต้องมองหลายๆมุมเช่นกัน  แต่ส่วนตัวผมนั้นก็ยังมองว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นการทำธุรกิจที่มีความเสี่ยง น้อยกว่าเพราะเนื่องจากใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่าธุรกิจหลายๆธุรกิจที่ผมเคย รู้จักมา  สำหรับเคล็ดลับนี้ผมหวังว่าผู้อ่านน่าจะได้สิ่งดีๆจากบทความของผมไม่มากก็ น้อยนะครับ


บทความที่ 8 การคัดเลือกผู้เข้าร่วมทีม


ใน องค์กรทุกๆองค์กรก่อนที่จะมีการเข้าทำงานก็ต้องมีการคัดเลือกคน  การทำธุรกิจเครือข่ายก็เช่นเดียวกันต้องมีการคัดเลือกคนที่จะนำเข้ามาร่วม ธุรกิจกับเรา  คงประหลาดใจใช่มั๊ยครับว่าการทำธุรกิจเครือข่ายทำไมต้องมีการคัดเลือกคนด้วย เพราะทุกครั้งคุณเองมักจะมองการทำธุรกิจเครือข่ายเป็นการไล่ล่าคน   คนหลายๆคนมีความเหมาะสมกับงานแตกต่างกันจึงต้องมีการคัดสรรค์คนที่จะเข้ามา ในองค์กรของคุณ  จำเป็นต้องคัดอย่างพิถีพิถันถ้าหากคุณไปหลอกเขามาคุณเองก็จะต้องมาเหนื่อย และเสียเวลาที่จะสอน สู้คุณคัดคนที่มีความเชื่อมั่นในธุรกิจและเชื่อว่าธุรกิจนี้สามารถทำให้เขา มองเห็นอนาคตในธุรกิจๆนี้จะดีกว่า  เพราะเขาจะสามารถดูแลเอาใจใส่ในการทำงานและทำให้องค์กรเติบโตและมั่นคงได้ มากกว่า

คนส่วนใหญ่มักใจร้อนกับธุรกิจนี้ใช้วิธีการชักชวนคนในจำนวนมากๆเข้าว่า  และแนะนำให้ซื้อสินค้าซึ่ง Up-Line ก็หวังผลประโยชน์ในการซื้อสินค้าจาก Down-Line สุดท้ายDown-Line ทำงานไม่เป็นก็ทำให้ตายจากอาชีพนี้และมีอคติกับอาชีพนี้สุดท้ายUp-Line ก็ต้องตายตามไป  ดังนั้นสิ่งที่ควรFocusในการคัดเลือกคนที่จะเข้าร่วมงานคือ                             
1. เขาเปิดใจกับธุรกิจแบบนี้หรือไม่
2. เข้าใจการทำงานอย่างแท้จริงหรือไม่
3. มีมนุษย์สัมพันธ์ดี (ไม่ใช่เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมดก็ไม่เอานะครับ)
4. มีความตั้งใจอย่างแท้จริงและอดทนต่อการเรียนรู้
5. มองเห็นภาพอนาคตในธุรกิจ

อาจ จะดูว่าลำบากในขั้นตอนการเลือกสรรคนแต่จงจำไว้นะครับ  เรามีขุนพลเก่งๆเพียงไม่กี่หยิบมือนั้นมีค่ากว่ามีทหารชั้นเลวหลายร้อยคน  ดังนั้นคุณเองนะครับที่เป็นคนเลือกสรรขุนพลของคุณ



บทความที่ 7 อย่าทำการตลาดที่ฝืนธรรมชาติ


ธรรมชาติมนุษย์นั้นจะใช้อารมณ์เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจในครั้งแรกที่พบอยู่เสมอ  อารมณ์นั้นจะมีอยู่2อย่างคือ รัก และ กลัว   
-  อารมณ์รักคือ  การชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ความปราบปลื้มปิติยินดี  ความสุข  การได้ช่วยเหลือแบ่งปัน  การดึงดูด 
-  กลัว คือ  ระบบป้องกันตนเองที่เห็นว่าไม่ต้องการ  การผลักใส  ความอิจฉาริษยา  ความเห็นแก่ตัว  การกลัวที่จะเสียผลประโยชน์  ความเศร้า  ภาวะความกลัวของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนมีและเลือกเองว่า  สิ่งนั้นเป็นความกลัวสิ่งนี้คือความรัก  คนเรามักหลีกเลี่ยงความกลัว  เช่น  คนทำธุรกิจเครือข่ายเลือกที่จะอยู่เฉยๆไม่ทำงาน  เพราะกลัวที่จะถูกปฏิเสธ 

การ ทำการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาติ  คือ  คนเราไม่ชอบถูกขาย  คุณลองนึกภาพตอนที่คุณยืนเลือกของที่ห้างสรรพสินค้าสิครับ  ถ้าคุณกำลังดูสินค้าอยู่จู่ๆพนักงานก็เดินตรงเข้ามาหาคุณ  คุณรู้สึกอย่างไรครับ  เลี่ยงจากพนักงานใช่มั๊ยครับ  เพราะคุณเองคิดว่าถ้าวันไหนอยากจะซื้อสินค้านั้นจริงๆหรือพร้อมจะซื้อก็จะมา ซื้อเองนะแหละ  วันนี้เพียงมาดูเฉยๆไม่ได้อยากจะซื้อ 

เห็น มั๊ยครับคนเรานั้นไม่ชอบที่จะให้ผู้อื่นมากดดันหรือเร่งเร้าสิ่งต่างๆ  แต่ในสิ่งที่นักธุรกิจเครือข่ายหลายๆท่านกำลังทำอยู่ก็คือการเร่งเร้าการ สร้างความกดดันให้กับผู้มุ่งหวัง  เช่นไปเสนอสินค้ากับเพื่อนๆแนะนำสินค้า  ทั้งขายทั้งเสนอโอกาสทางธุรกิจโดยที่เขาเองก็ยังไม่พร้อมและไม่รู้ข้อมูลรวม ทั้งวิธีการทำงานเลยด้วยซ้ำ  แต่บางคนสนิทๆกันก็อาจจะเกรงใจเราและก็มักพูดว่าอืม  น่าสนใจ  และราคาสมัครก็ราคาไม่แพงก็เลยสมัครไปอย่างนั้นไม่ได้ทำอย่างจริงจังต่อ  แต่บางคนอาจรุนแรงถึงขั้นเสียเพื่อนไปเลยก็มีเพราะไม่อยากจะคุยด้วย 

ธรรมชาติ ของคนนั้น ไม่ชอบง้อใคร  ไม่ชอบขาย  และไม่ชอบให้ถูกขาย  ท่านผู้อ่านครับถามหน่อยครับท่านมาทำธุรกิจเครือข่ายนี้ท่านชอบขายหรือเปล่า ครับชอบง้อคนมั๊ย  และลองมองสิ่งที่ที่ปรึกษาคุณสอนและสิ่งที่คุณทำอยู่สิ  ท่านกำลังง้อคนหรือกำลังโน้วน้าวเขาอยู่หรือไม่ 

การ ทำการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาติคือ  การที่ท่านไม่ต้องไปง้อใคร  เพราะคนที่ท่านกำลังสร้างความสัมพันธ์อยู่นั้นต้องการมันอยู่แล้ว  และสิ่งที่ท่านให้เขาก็คือวิธีการหรือกำลังแก้ปัญหาให้เขาได้ไม่ใช่โน้มน้าว ใจให้เขาสนใจ   ตัวอย่างนะครับ  ท่านเป็นพ่อค้าขายหมูที่เป็นพ่อพันธ์เกรดA  แต่ท่านกลับไปขายให้กับกลุ่มคนที่เป็นอิสลาม  แม้หมูของท่านจะดีเริ่ดขนาดไหนก็คงขายไม่ออกใช่มั๊ยครับ  สิ่งที่ท่านต้องคิดคือท่านมีหมูพ่อพันธ์เกรดAอยู่ ในมือเพียงแค่ท่านไปขายคนที่เขาต้องการหมูพ่อพันธ์อยู่ท่านก็สามารถ ขายออกอย่างง่ายดาย  นั่นก็คือท่านต้องเข้าให้ถูกกลุ่มครับ เข้าผิดกลุ่มแม้ของจะดีขนาดไหนก็ไม่มีใครสนใจครับ 

ฉะนั้นการทำการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาติสิ่งแรกก็คือ   
1. ท่านต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมาย   
2. ท่านมีสินค้าที่เขาต้องการหรือไม่ 
3. ท่านต้องวางกลยุทธ์ในการทำการตลาดต่อบุคคลเหล่านั้นได้ 

เป็น อย่างไรครับการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาตินั้น  เราเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องง้อใครใช่มั้ยครับ  เขาเองก็ไม่รู้สึกว่าถูกขาย  สิ่งสุดท้ายที่ผมจะขอฝากไว้ก็คือ  การเรียนรู้คือสิ่งสำคัญการเรียนรู้คือบันไดอีกขั้นที่จะมุ่งสู่ความสำเร็จ นะครับ  พยายามทบทวนสิ่งที่ผมเขียนไว้ให้ศึกษาอย่างสม่ำเสมอนะครับ  แล้วท่านจะไม่หลงทางในการทำธุรกิจของท่านเอง  แล้วพบกันใหม่ในบทเรียนต่อไปนะครับ 



บทความที่ 6 เพราะอะไรจึงต้องโปรโมทตัวเอง


สิ่ง ที่ผมพยายามจะบอกและอธิบายให้ฟังก็คือ  สิ่งที่ผมเน้นให้โปรโมทตัวเองและแสดงสิ่งที่เป็นมืออาชีพเพราะ  บริษัททุกบริษัททุกวันนี้แต่ละบริษัทก็จะมีจุดดีจุดเด่นแตกต่างกันไปเพราะ ฉะนั้น  ถ้าจะให้เราไปพูดถึงบริษัทแผนการตลาด หรือ ตัวผลิตภัณฑ์  คงเถียงกันไม่มีวันจบแน่ๆเพราะแต่ละคนก็ต้องพูดว่าบริษัทที่ตัวทำอยู่นั้นดี ที่สุดแต่สิ่งที่แตกต่างกันไปนั้นก็คือ  ทีมและตัวคุณเองตางหากครับ

ทีม และผู้นำทีมสำคัญมากเพราะสิ่งที่จะทำให้คุณสำเร็จนั้นอยู่ที่แผนการทำงานของ ทีมงานของคุณมากกว่า  อย่างเช่นทุกอย่างดีแผนการตลาดดีผลิตภัณฑ์ดี  แต่ไม่อำนวยนำการทำงาน  คุณจะสำเร็จได้อย่างไรครับและที่สำคัญส่วนมากที่ปรึกษาของคุณมักพูดว่างาน ไม่ยากแค่ใช้ดีแล้วบอกต่อ  สิ่งนั้นแหละครับอันตรายมาก!!  เพราะที่ปรึกษาคุณเองก็ไม่ได้เตรียมแผนการทำงานให้คุณ  คุณเองอาจจะมองว่าง่ายแค่ใช้ดีแล้วบอกต่อไม่ได้ขายอะไรซักหน่อย  แต่จุดนั้นแหละครับ คุณเองจะไปบอกต่อใคร  และบอกต่อเขา จะทำกับคุณหรือไม่  และที่ว่าทำงานวันละไม่กี่ ช.ม.เอง  ผมลองทำมาแล้วครับ  เวลาแทบทั้งหมดจะมุ่งไปหาลูกค้า บอกแผนการตลาด เสนอโอกาสดีๆทดลองสินค้าให้เขาดู  อย่างที่ผมเคยพูดไว้คนเราจะมีเกราะป้องกันตัวเองอยู่  ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่นอนครับและคุณก็ต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา และยังต้องมาเสียใจท้อแท้กับสิ่งที่คุณลงทุนไป  ผมไม่ได้บอกว่าวิธีนี้มันไม่ดีนะครับแต่มันเป็นวิธีที่ดีสำหรับบางคนและบาง ช่วงยุคสมัยเท่านั้น   เพราะทุกคนมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป  บางคนเป็นคนกล้าแสดงออก บางคนมีฐานเงินที่ดี บางคนรู้จักคนเยอะ นี่คือสิ่งที่เลียนแบบกันไม่ได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่ที่ปรึกษาของคุณกำลังจะบอกคุณคือสิ่งนี้แหละครับสิ่งที่เลียนแบบ กันไม่ได้ง่ายๆสิ่งนั้นแหละ

ฉะนั้น สิ่งที่คุณต้องโปรโมทไม่ใช่บริษัทแต่เป็นตัวของคุณเอง  เพราะตัวคุณเองถ้ามีแผนการทำงานที่เหมาะสมไม่ว่าคุณจะอยู่ที่บริษัทไหนเขาก็ ต้องติดตามคุณไปแน่เพราะเขาเชื่อแน่ๆว่าถ้าอยู่กับคุณจะต้องสำเร็จ  แต่ผมไม่ได้บอกว่าไม่ต้องดูบริษัทและแผนการตลาดหรือผลิตภัณฑ์นะครับ  สิ่งนั้นก็จำเป็นเหมือนกัน   เพราะต้องดูว่าเขาจ่ายคุณอย่างยุติธรรมหรือไม่  และจ่ายยังไงคุ้มกับตัวคุณหรือเปล่าต้องดูด้วยนะครับ





บทความที่ 5 การใช้ Auto Email ในการสร้างความสัมพันธ์

บทความที่ 4 การสร้างความสัมพันธ์อันดี


องค์ ประกอบสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีคือการแนะนำตนเอง  เป็นสิ่งจำเป็นนะครับ  การที่เราจะรู้จักคนอื่นคือคุณต้องบอกว่าคุณเป็นใครก่อน  จากนั้นความสัมพันธ์ถึงจะเกิดขึ้นมาได้  หลังจากความสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้วคุณก็แสดงถึงศักยภาพความเป็นมืออาชีพของ คุณเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้อื่นได้

การ สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นนั้นก็สามารถทำได้ในสังคมออนไลน์  เช่นมีเว็บไซต์  เป็นของตนเองและเนื้อหาภายในนั้น  ไม่ควรเกี่ยวของกับการขาย หรือโอกาสทางธุรกิจแอบแฝง  เพราะจะเป็นการสร้างความอึดอัด  บทความในนั้นควรจะเป็นการแก้ปัญหา  หรือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์  ในการทำเช่นนี้เองจะทำให้ท่านสามารถสร้างรายชื่อกลุ่มคนที่สนใจในตัวคุณขึ้น มาได้  นอกจากเว็บไซต์แล้ว ช่องทางอื่นๆก็สามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็น Facebook  Youtube  Twitter  Hi5  เป็นต้น 

ข้อ ควรระวังในการสร้างความสัมพันธ์นั้นผมอยากจะเน้นเรื่องการแอบแฝงสิ่งอื่นที่ นอกเหนือจากการสร้างประโยชน์หรือแก้ปัญหาให้กับเขาเพราะ  นั่นจะทำให้ท่านอาจเสียเพื่อนในเครือข่ายไปในที่สุด  เพราะคุณกำลังจะเข้าไปในวงจรเดิมๆที่คนเหล่าต้องนั้นหนีมา 

เมื่อ เราสร้างความสัมพันธ์กับเขาแล้วเขาได้เข้าใช้ในเว็บไซต์ของคุณและต่อไปเขาก็ จะมาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในเว็บไซต์คุณและลงทะเบียนกับคุณ  คุณเองก็สามารถที่จะติดต่อกับเขาได้เพราะนั่นหมายถึงเขาอนุญาตที่จะให้เรา ติดต่อกับเขาได้แล้ว  อาจจะฟังดูง่ายนะครับแต่ก็ต้องใช้เวลาและความใส่ใจอย่างมากในการสร้างความ สัมพันธ์   แต่ผลลัพธ์มันก็มหาศาลเช่นกัน

เรา ควรการสร้างความสัมพันธ์อันดีนั้นไว้นะครับ บางทีคนที่เขามาที่เว็บไซต์คุณและได้ดูบทความที่คุณคอยแก้ปัญหาและช่วยเหลือ เขา  ไม่แน่ในอนาคตเราอาจจะได้เขามาร่วมเครือข่ายโดยไม่ต้องเปลืองแรง  และอีกอย่างคนเหล่านั้นเขามีทักษะที่สูงกว่าคนที่ไม่เคยทำระบบนี้มาก่อนแน่ นอนครับ



บทความที่ 3 มนุษย์แม่เหล็กกับการนำมาใช้ในธุรกิจเครือข่าย


บทนี้ผมจะมาบอกวิธีการที่จะนำการตลาดแบบดึงดูดมาใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจเครือข่าย 

อย่าง ที่ผมบอกไปเมื่อ 2 บทความที่แล้ว การที่เราจะประสบความสำเร็จนั้นเราต้องเสนอหรือโปรโมทความเป็นมืออาชีพของ ตัวคุณเอง  จนสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้คน  ผ่านเครื่องมือต่างๆของเราที่ใช้โปรโมทตัวเอง  คนจะรู้จักเราในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครือข่าย  เมื่อนั้นคุณจะเป็นเหมือนแม่เหล็กตัวใหญ่ที่ดึงดูดคนเข้ามา 

สิ่ง สำคัญของธุรกิจเครือข่ายขั้นแรกคือ การหารายชื่อผู้ที่สนใจ  ลืมวิธีเก่าๆไปได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการลิสต์รายชื่อ คนที่รู้จัก หรือลงโฆษณาตามเว็บต่างๆ  และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือการสแปร์มเมลล์  เพราะนั่นคือคุณก้าวเข้าสู่การทำผิดกฎหมายอยู่  แต่เมื่อคุณทำการตลาดแบบแรงดึงดูดคุณก็เปรียบเสมือนมนุษย์แม่เหล็กที่จะดึง ผู้คนเข้ามาหาคุณเอง  คุณไม่จำเป็นต้องโทรหา  หรือต้องมานั่งลิสต์รายชื่ออีกต่อไป  เพราะเขาจะเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาตัวของคุณเอง  ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญของคุณและเชื่อมั่นในตัวคุณ  และงานของคุณจะเป็นการคัดเลือกผู้ที่สนใจจะสำเร็จในธุรกิจและต้องการจะเรียน รู้ คนที่สนใจว่าท่านกำลังจะเอ่ยอะไรออกมา 

สิ่ง สำคัญอีกอย่างคือการติดตาม  คนส่วนใหญ่มันจะติดตามโดยการโทรศัพท์  เพราะเป็นการโต้ตอบทันที  จริงครับว่าโทรศัพท์ไวจริง  แต่ปัจจัยที่เขาจะรับฟังหรือสนใจจะคุยกับคุณมีหลายอย่างครับ  ตอนที่คุณโทรไปคุยกับเขาเป็นไปได้ว่าตอนนั้นเขาอาจจะไม่ว่างกำลังยุ่งอยู่  หรือตอนนั้นอารมณ์เขาไม่ดีอยู่  สัญญาณโทรศัพท์ไม่ดี  และอื่นๆอีกมากมาย 
ทั้ง หมดนี้เป็นปัจจัยที่ที่ทำให้เกิดความล้มเหลวได้โดยง่าย  ถึงคุณเองจะเป็นมืออาชีพขนาดไหนมีวิธีพูดที่ดีขนาดไหนก็ตาม  และยังถูกจำกัดเรื่องเวลาอีก  ซึ่งผลในการคุยจะออกมาอย่างไรก็ยังไม่ทราบ  บางรายชื่อคุณโทรไปเขาก็ไม่สนใจรังแต่จะจะทำให้คุณท้อใจ  แม้กระทั่งคนที่สนใจแต่ก็ยังไม่ตัดสินใจ  ท่านจะจะโทรตามคนเหล่านั้นได้กี่ครั้งกัน  และสุดท้ายก็ต้องทิ้งรายชื่อนั้นทิ้งไปทั้งๆที่หารายชื่อได้มาอย่างลำบาก  เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกันการทำธุรกิจเครือข่ายแบบเก่าๆที่คุณพบเจอกันอยู่ ใช่มั้ยครับ  วิธีติดตามของระบบการตลาดแบบดึงดูดคือระบบ Email Marketing เป็นวิธีติดตามที่ทรงอานุภาพมากที่สุดคือติดตามผลผ่านทางEmail คุยจะไม่ต้องเหนื่อยกับการคุยกับคน  เราจะถูกคนที่สนใจจริงๆโทรมาหา หรือส่งเมลล์มาถามมาคุยกับคุณเอง  เห็นมั้ยครับการทำเช่นนี้ง่ายกว่าเยอะ  ท่านก็สามารถให้ข้อมูลในแบบระบบที่ท่านมีอยู่ได้เลย  คนที่สนใจจะได้รับเมลล์จากระบบที่ส่งไปหาเขาเรื่อยๆตามที่ท่านต้องการ (การส่งเมลล์อย่างนี้ถูกกฏหมายครับ)  คุณเองจะไม่เสียรายชื่อที่หามาได้อย่างลำบากไปฟรีๆ เพราะถ้าท่านมีรายชื่อเยอะๆการใช้ระบบติดตามเช่นนี้จำเป็นมากครับ เพราะคุณคงไม่อยากจะใช้วิธีโทรศัพท์หาคนจำนวนมากๆอย่างเดียวคงไม่ไหวใช่มั้ย ครับ 

ปัจจุบันนี้การใช้ระบบEmail Marketing  เริ่ม นำมาใช้กันเยอะมากขึ้นเพราะถือเป็นหัวใจของการทำการตลาดแบบดึงดูดได้ดีที เดียว  เพราะเป็นการสร้างความน่าเชื่อมั่นของคนอื่นในความเป็นมืออาชีพของคุณ  

ข้อ สำคัญสุดท้ายคือการปิดการขายในการทำธุรกิจเครือข่ายนั้นก็จะมีการปิดการขา เช่นกัน  เห็นมั้ยครับว่าการนำการตลาดแบบดึงดูดมาใช้ในธุรกิจเครือข่ายนั้นสอดคล้อง กัน  หน้าที่จริงๆชองคุณเพียงแค่ปิดการขาย และรับสมัครคนเพียงเท่านั้น  เมื่อท่านเป็นมนุษย์แม่เหล็กแล้วท่านเองไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวใจอะไรเลย หน้าที่เพียงแค่ดูว่าเขาจริงจังแค่ไหน  ถ้าเขาไม่จริงจังก็ปฏิเสธเขาไป  เพราะคุณจะรู้ว่าถ้าเขาไม่จริงจังก็จะเสียเวลาเปล่าๆ  และคุณจงสอนการตลาดแบบที่ท่านทำอยู่กับคนที่เข้าร่วมกับคุณ   

เป็นยังไปครับต่อไปบริบทของคุณจะเปลี่ยนไปจากเป็นผู้ล่ากลับกลายเป็นถูกล่าแทนแล้ว 


บทความที่ 2 การทำตลาดแบบแรงดึงดูด


มา ถึงบทที่ 2 เราพอจะเข้าใจรูปแบบการทำการตลาดแบบ ไล่คนหนีไปบ้างแล้ว คราวนี้เรามาลอง ดู การทำการตลาดแบบดึงดูด ว่าเขาทำกันอย่างไร 

การทำการตลาดแบบดึงดุด เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่จะเข้ามาในเครือข่าย   
ยก ตัวอย่าง  ถ้ามีคนที่ท่านจะเข้าร่วมทำธุรกิจเครือข่ายด้วย  อยู่ 2ประเภท ที่ทำธุรกิจตัวเดียวกัน  คนหนึ่งเข้าใจและเชี่ยวชาญธุรกิจเครือข่ายเป็นอย่างดี  กับอีกคนเป็นแค่คนทำการตลาดแบบทั่วๆไป  
คุณ จะเลือกเข้าร่วมกับใครครับ  แน่นอนคุณก็ต้องเข้าร่วมกับผู้เชี่ยวชาญธุรกิจแน่ๆใช่มั้ยครับ  คนอื่นๆก็ต้องคิดอย่างคุณเช่นกัน  คนมักจะเลือกคนที่เป็นผู้นำที่คิดว่าจะทำให้คุณประสบผลสำเร็จเสมอ  แรงดึงดูดนี้ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องสร้าง  ไม่ใช่เชื่อมั่นในตัวบริษัทหรือแผนการตลาด  แต่เป็นความเชื่อมั่นของคนอื่นต่อตัวท่านเองตางหาก 

เพราะ ฉะนั้น  คุณควรหยุดโฆษณา โอกาสทางธุรกิจเสียทีครับ  เพราะแทนที่คุณจะดึงคนเข้ามาร่วมธุรกิจกลับเป็นการไล่เขาออกจากระบบของคุณ   และกลายเป็นโฆษณาขยะตามเว็บต่างๆ  เหมือนที่คนอื่นๆเขาทำกัน  แต่สิ่งที่ท่านควรทำคือโปรโมตความเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจให้กับเขา  เปลี่ยนจากผู้ล่าให้เป็นผู้ถูกล่า  เป็นบุคคลที่ผู้คนต่างถวิลหาอยากจะเจอ  คราวนี้ท่านก็จะกลายเป็นแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่ที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาคุณเองและ คุณจะเข้าสู่การเป็นนักการตลาดแบบดึงดูดเต็มตัว 


หวังว่าบทเรียนนี้จะช่วยให้ท่านเข้าใจระบบการดึงดูดได้ไม่มากก็น้อยนะครับ 


บทความที่ 1 ปัญหาการทำธุรกิจ?


    ปัญหาที่ผู้ทำธุรกิจส่วนใหญ่ได้พบคือ การทำธุรกิจจำเป็นต้องหาผู้ร่วมธุรกิจแต่สิ่งที่ทำอยู่กลับทำให้คนวิ่งหนี คุณ  มันเป็นความจริงที่เจ็บปวด  ทั้งๆที่คุณไปเสนอสิ่งดีๆโอกาสดีๆทางธุรกิจให้กับเขาแท้ๆ  แล้วเมื่อผู้คนวิ่งหนีคุณเช่นนี้ ธุรกิจจะเป็นเช่นไรในอนาคตละครับ  

    เพราะอะไรทุกคนจึงวิ่งหนีคุณ  ต้องคิดถึงความเป็นจริงก่อนครับ  ทุกคนจะมีเกราะป้องกันตัวเองอยู่ทุกคนครับ เพราะทุกคนมีความกลัว กลัวจะถูกหลอก กลัวจะเสียเปรียบ  กลัวจะกลายเป็นคนโง่  กลัวสารพัดจะกลัว จึงเกิดเกราะป้องกันตัวเองขึ้นมา  แล้วจะเกิดคำถามในใจของคนที่คุณไปพูดคุยว่าถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆคุณก็ เอาความสำเร็จมาให้ดูก่อนสิถึงจะเชื่อ !!!  โอ้ก็ในเมื่อความสำเร็จในธุรกิจเช่นนี้มันต้องหาคนนี่ ถ้าไม่มีคนจะสำเร็จได้ยังล่ะ!  

ทั้งๆ ที่คุณเอาสินค้าที่ดีๆไปเสนอก็แล้วพูดถึงรายละเอียดก็แล้วแต่ทำไมผู้คนถึง เบือนหน้าหนีคุณกันหมด ผมอยากให้คุณลองคิดกลับกันนะครับลองเขาเป็นเราและเราเป็นเขา

ยกตัวอย่างนะครับ 

           ถ้าคุณไปเที่ยวกับเพื่อนๆแล้วเพื่อนในกลุ่มของคุณคุยแต่เรื่องธุรกิจคุณเองจะรู้สึกยังไงครับ 
           เวลา ไปหาญาติพี่น้อง ทั้งๆที่ปกติไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่แนะนำผลิตภัณฑ์และเสนอโอกาสทางธุรกิจกับคุณ คุณชอบหรือไม่ครับ 
           เล่นอินเตอร์เน็ตเจอแต่โฆษณา โอกาสทางธุรกิจ คุณจะปิดทิ้งหรือเปล่า
  
พอ จะเข้าใจบ้างแล้วใช่มั้ยครับว่า สิ่งที่คุณคิดว่ามันเวิร์ค สิ่งที่คุณได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาของคุณแนะนำมามันดีจริงอย่างที่คุณคิด หรือเปล่า ลิสต์ชื่อ 10,20,30,…100 คน แล้วโทรหาเขาชวนเขามา แนะนำสิ่งดีๆให้กับเขาบอกเขาว่าใช้ดีแล้วบอกต่อ!!  เมื่อมันไม่เป็นอย่างที่คุณคิดคุณก็เริ่มจะต้องลงทุนในการจ่ายเงินซื้อ พื้นที่โฆษณาตามเว็บเพื่อโปรโมท  บางคนก็ซื้อรายชื่อมาโทรกันเลยแล้วก็แจกซีดี  สิ่งที่คุณทำทั้งหมดเพราะคุณต้องการผลให้เขามาเข้าร่วมธุรกิจกับคุณแต่ มันกลับกลายเป็นการไล่เขาให้ไปไกลๆคุณโดยไม่รู้ตัว ระบบเช่นนี้เรียกว่าระบบไล่คน 

          นี่แหละครับคือเหตุผลว่าทำไมคนถึงไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเช่นนี้ ได้น้อยกว่าเสีย  สุดท้ายก็เข้าไปในวงจรอุบาทว์ในการทำธุรกิจ  คือเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ  เพราะบางคนอาจคิดว่าไม่สำเร็จเพราะเราไม่ได้เป็นต้นสาย จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยถ้าทำเช่นนี้ถึงไปที่ไหนๆก็จะล้มเหลวเช่นเดิม
   
            ถึงไปที่ไหน แต่ก็ทำงานแบบเดียวกัน  ใช้ระบบเดิมๆผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างกันหรอกครับ  นั่นคือเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เป็นกันแล้วก็เกิดสถิติที่ว่าผู้สำเร็จในธุรกิจ นี้เพียงแค่ 1-5%

            แล้วละบบไหนละที่จะไม่ทำให้คุณล้มเหลวอีกต่อไป นั่นคือระบบแบบ การตลาดแบบดึงดูดไงครับ แล้วดึงดูดอะไร....ดึงดูดสิ่งต่อไปนี้ไงครับ 

           ดึง ดูดคนที่เขาต้องการที่จะทำธุรกิจอยู่แล้ว  การที่คุณจะเสนอธุรกิจให้ใครสักคน คนๆนั้นต้องมีความคิดที่ต้องการจะทำอยู่แล้วใช่มั้ยครับ เพราะเอาธุรกิจไปคุยกับคนทั่วๆ มันเหมือนคุยกันคนละเรื่อง 

           ดึงดูดคนโดยคุณไม่ต้องยกหูโทรศัพท์หาใครเลย  ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน ไปคุยธุรกิจ  เพราะคุณใช้ระบบอัตโนมัตในการทำงาน 

           และ คุณสามารถที่จะเลือกคนเพื่อมาร่วมธุรกิจกับคุณได้  คุณเองสามารถเลือกได้ว่าจะนำใครเข้ามาร่วมทำงานกับคุณมันจะดีแค่ไหนลองนึก ภาพดูสิครับ 
แล้ว สิ่งที่ผมพูดไปมันเป็นไปได้จริงๆหรอ  ถ้ามีจริงก็ดีสิ  มันเหนื่อยแล้วนะทั้งต้องออกจากบ้านทุกวันเสียค่าโทรศัพท์ไปเป็น 100 เป็น 1,000 แล้วยังไม่ได้เลยซักคน  ฉันท้อแล้วกับการถูกปฏิเสธ 

ข่าวดีครับ  ระบบได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว  แล้วคุณจะได้เรียนรู้ มากขึ้นกับการทำการตลาดแบบ ดึงดูด