Website ที่เกี่ยวข้อง








Website ที่เกี่ยวข้อง
http://worldprothai.siam2web.com

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บทความที่ 12 การใช้ระบบติดตามผลอัตโนมัติ (ตอนจบ)

ก่อนอื่นผมต้องขออภัยทุกท่านนะครับที่ห่างหายจากการอัพPartสุด ท้ายไปนานพอสมควร  เพราะมัวแต่ยุ่งๆเรื่องทางบ้านและคนรอบๆข้าง  ไหนจะเรื่องน้ำท่วม พอจบจากน้ำท่วมก็เลยมาจนถึงงานวันพ่อแห่งชาติ  ก็เลยไม่ค่อยจะมีเวลาเท่าไหร่ครับ(จริงๆแล้วก็แอบอู้นิดๆด้วยแหละครับ ฮาๆๆ)  งั้นไหนๆผมก็ทำวีดิโอสุดท้ายเสร็จแล้วก็มาเริ่มเรียนรู้การทำWebFrom กันต่อเลยแล้วกันนะครับ  แต่สำหรับผู้ที่ดูวิดีโอPartไหนไม่ได้  ผมแนะนำให้ลองเปิดด้วยเว็บBrowser ของ Mozilla Firefox นะครับหรือจะเข้าไปดูที่เว็บ http://worldprothai.siam2web.com/ ก็จะมีบทความที่ครบสมบูรณ์ครับ

 

***วีดีโอนี้สงวนลิขสิทธิ์ห้ามคัดลอกและเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาติ


วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บทความที่ 11 การใช้ระบบติดตามผลอัตโนมัติ

บทนี้ผมจะพูดเรื่องการใช้ฟังก์ชั่นหลักๆในการทำ AutoResponder นะครับ และถ้าท่านใดต้องการเรียนรู้ฟังก์ชั่นอื่นๆท่านต้องศึกษาเพิ่มเติมเอาเองนะครับ





***วีดีโอนี้สงวนลิขสิทธิ์ห้ามคัดลอกและเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาติ

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บทความที่ 10 การสมัครใช้ระบบติดตามผลอัตโนมัติ

สวัสดีครับ  หลายๆท่านคงเห็นผมพูดถึงการใช้Email  ในการสร้างความสัมพันธ์และถูกต้องตามกฎหมายกันหลายๆครั้งแล้ว หลายๆท่านคงคิดว่าแล้วมันเป็นยังไงละ  และทำอย่างไรละ วันนี้ผมก็จะมาไขข้อข้องใจนั้นกัน  แต่ผมขอสงวนสิทธิ์ให้ดูเฉพาะผู้ที่ติดตามบล็อกของผมและสมาชิกทีมของผมเท่านั้นนะครับแม้ผมจะเอาลง  Youtube  ก็ตาม  และผมขอไม่ให้นำไปเผยแพร่ในที่อื่นที่ไม่ใช่บล็อกของผมหรือผู้ที่ไม่ใช่ทีมงานขอผมนะครับ  เพราะเป็นเทคนิคที่สำคัญที่หลายๆท่านอยากจะรู้แต่เนื่องจากต้องจ่ายค่าเรียนรู้ในราคาค่อนข้างที่จะสูงจึงไม่ค่อยที่จะมีคนนำมาเปิดเผยกัน   
คลิ๊กLinkเพื่อเข้าสมัครกับเว็บ Getresponse



***วิดีโอสงวนลิขสิทธิ์ห้ามคัดลอกและเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาติ

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บทความที่ 9 ธุรกิจเครือข่ายMLMหนทางสู่ความสำเร็จ....หรือล้มเหลว


สิ่งที่ผมได้ยินอยู่บ่อยๆคือ 95%ของผู้ทำธุรกิจเครือข่ายคือความล้มเหลวและอีก5%นั้นคือผู้สำเร็จ เมื่อได้ยินคำบอกเล่าเช่นนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเกิดอะไรกับคน95% ที่กำลังทำธุรกิจเครือข่ายอยู่กันแน่ เพราะอะไรจำนวนคนที่ล้มเหลวถึงได้มากมายขนาดนั้นและจากที่ผมศึกษาดูแล้วก็ได้คำตอบดังนี้(หลายๆท่านอาจจะค้านก็ได้นะครับ)

1.  เพราะเขาไม่เข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายก็คือธุรกิจขายตรงแต่เปลี่ยนจากที่จะได้รายได้แบบชั้นเดียวคือได้เปอร์เซ็นจากการขาย(SLM)มาเป็นการขยายสายงานแบบหลายชั้นได้(MLM)  จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสินค้ามากนัก

2. การรีบร้อนเกินไป  หลายๆคนมักจะรีบร้อนที่อยากจะโตไวๆเพื่อที่จะได้รับค่าตอบแทนสูงๆเร็วๆ  สิ่งนั้นถ้าเป็นการทำเพื่อให้ใจฮึกเหิมหรือเป็นการกระตุ้นตัวเองก็ไม่ผิด หรอกนะครับ  แต่หลายๆคนกลับใช้วิธีการไปหลอกผู้อื่น  หลอกเอาคนใกล้ๆตัวบ้างหลอกเอาเพื่อนมาบ้างเพื่อที่จะหวังผลประโยชน์จากคนที่ เราแนะนำและสุดท้ายก็ต้องมาสูญเสียทีมงานไปและตัวเราก็ต้องออกจากอาชีพนี้ไป ในที่สุดเพราะไม่สามารถที่จะชักชวนใครได้อีก  กลายเป็นเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาเสียทั้งเพื่อนและคนรู้จักไป

3. การทำธุรกิจทุกธุรกิจต้องใช้เวลา  อย่าคิดว่าจะสำเร็จได้เพียงชั่วข้ามคืนต้องมองให้ออกว่าธุรกิจไม่ได้สำเร็จ กันอย่างง่ายๆทุกอย่างต้องใช้เวลาด้วยกันทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจของเราเองหรือลูกจ้างเขาก็ตามต้องใช้เวลาด้วยกันทั้งสิ้น

4. การสอนทีมงานเป็น  การที่ธุรกิจจะเติบโตได้ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปได้ด้วยตัวคนเดียวการขับเคลื่อน องค์กรทีมงานนั้นทุกฝ่ายและทุกคนสำคัญทั้งหมดดังนั้นต้องสอนให้เขาทำงานเป็น คุณเองคงไม่อยากเหนื่อยอยู่คนคนเดียวใช่มั๊ยครับ  การที่ทีมงานทำงานกันเป็นและทำงานอย่างมีระบบนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก  คุณต้องสอนให้ทีมงานเขาตกปลาเป็นอย่าเพียงหาปลามามาใส่มือให้เขา  และเมื่อทุกคนหาปลาเองกันเป็นเขาเองก็ไม่อดอยากและคุณเองก็ไม่ต้องมาเหนื่อย

5.ต้อง ศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง  เพราะการเก็บเกร็ดความรู้แม้จะเล็กๆน้อยๆก็มีประโยชน์  และถ้าได้ฟังหรืออ่านบทความประสบการณ์ของผู้อื่นได้ด้วยนั้นก็ยิ่งเป็นสิ่ง ดีเพราะจะทำให้เรามีจิตใจที่ฮึกเหิมขึ้น

6.การแนะนำสินค้าได้  ถึงธุรกิจMLMอาจ จะไม่ต้องขายสินค้าเลยแต่ธุรกิจนี้ก็เกี่ยวข้องกับสินค้าอย่างชัดเจนฉะนั้น เราเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรู้จักสินค้าในบริษัทของเรา  และสามารถแนะนำให้ลูกทีมหรือลูกค้าของเราได้  และถ้าสินค้าไหนที่เราไม่เคยได้ทดลองใช้ก็ไม่ควรจะแนะนำ  นอกเสียจากลูกค้าของคุณสนใจสินค้าจาก Catalog เอง  เรา ต้องเข้าใจว่าสินค้าจากธุรกิจของเรานั้นราคาค่อนค้างสูงกว่าท้องตลาด ฉะนั้นคุณเองต้องเสนอได้ว่าสินค้านั้นคุ้มกว่าตามท้องตลาดอย่างไรเพื่อจะได้ แนะนำให้ลูกทีมหรือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

7. ควรดูความต่างหลายๆบริษัทก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วม  ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สินค้า,  การรักษายอด,  การคำนวณเงินเริ่มต้นธุรกิจ,  ค่าPV (ค่าPVแต่ละบริษัทนั้นมีการวัดค่าจากPVที่ต้องทำ  หารด้วยจำนวนเงินที่ต้องลงทุน เช่นบริษัทนี้ด้องการ2000PV  ในการลงทุน  และสินค้าที่จะซื้อให้ครบ2000PV อยู่ที่ราคา5000บาท  ก็นำ5000มาหารด้วย2000จะเท่ากับค่าPVแต่ละคะแนน  จุดนี้คนส่วนใหญ่มักไม่ได้มอง  แต่เป็นจุดที่สำคัญนะครับ  ผมเคยเห็นบางที่ตกPVละ30-50บาทต่อ1 PVก็มี),  แผนการจ่ายเงิน,  บริษัทถูกกฎหมายหรือไม่,  สินค้าต้องใช้วิทยาศาสตร์วัดได้ (เพราะ บางบริษัทใช้ความรู้สึกในการวัด  ยกตัวอย่างเช่นสินค้าอาหารเสริมที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงแต่ก็ไม่ได้มีหลัก ในวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้มารองรับ), สินค้าประเภทบริโภคต้องผ่านองค์การอาหารและยา
8. ธุรกิจควรเริ่มตั้งแต่ยังไม่มีภาระ  เช่นนักศึกษา  หรือผู้มีงานที่ได้รายได้ตายตัวทำประจำอยู่แล้ว  เพราะที่หลายๆคนต้องการรีบโตในธุรกิจนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีภาระมาก  ต้องการใช้เงิน  จึงต้องไปหลอกผู้อื่นมา  จนลืมคิดไปว่ารายได้ส่วนหนึ่งนั้นต้องมาจากการสอนทีมงานให้ดูแลลูกค้าของตัว คุณเอง  และเมื่อคุณหลอกเขามาทำเขาทำธุรกิจไม่ได้  เขาก็ตายจากอาชีพคุณเองก็ต้องตายตามไปด้วย  แต่ถ้าเราเริ่มธุรกิจนี้ในขณะที่เราไม่ได้มีภาระอะไรก็ไม่ต้องรีบร้อน  ทำธุรกิจของเราให้ค่อยๆโตขึ้นเรื่อยๆ  จนมีรายได้จากธุรกิจมากพอค่อยเปลี่ยนจากPart-Time มาเป็นFull-Timeก็ยังไม่สายใช่มั๊ยครับ

ฉะนั้น หนทางของความสำเร็จหรือล้มเหลวนั้นมันมีปัจจัยหลายๆอย่าง  เราไม่ควรที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไป  ธุรกิจทุกๆธุรกิจก็ต้องมองหลายๆมุมเช่นกัน  แต่ส่วนตัวผมนั้นก็ยังมองว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นการทำธุรกิจที่มีความเสี่ยง น้อยกว่าเพราะเนื่องจากใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่าธุรกิจหลายๆธุรกิจที่ผมเคย รู้จักมา  สำหรับเคล็ดลับนี้ผมหวังว่าผู้อ่านน่าจะได้สิ่งดีๆจากบทความของผมไม่มากก็ น้อยนะครับ


บทความที่ 8 การคัดเลือกผู้เข้าร่วมทีม


ใน องค์กรทุกๆองค์กรก่อนที่จะมีการเข้าทำงานก็ต้องมีการคัดเลือกคน  การทำธุรกิจเครือข่ายก็เช่นเดียวกันต้องมีการคัดเลือกคนที่จะนำเข้ามาร่วม ธุรกิจกับเรา  คงประหลาดใจใช่มั๊ยครับว่าการทำธุรกิจเครือข่ายทำไมต้องมีการคัดเลือกคนด้วย เพราะทุกครั้งคุณเองมักจะมองการทำธุรกิจเครือข่ายเป็นการไล่ล่าคน   คนหลายๆคนมีความเหมาะสมกับงานแตกต่างกันจึงต้องมีการคัดสรรค์คนที่จะเข้ามา ในองค์กรของคุณ  จำเป็นต้องคัดอย่างพิถีพิถันถ้าหากคุณไปหลอกเขามาคุณเองก็จะต้องมาเหนื่อย และเสียเวลาที่จะสอน สู้คุณคัดคนที่มีความเชื่อมั่นในธุรกิจและเชื่อว่าธุรกิจนี้สามารถทำให้เขา มองเห็นอนาคตในธุรกิจๆนี้จะดีกว่า  เพราะเขาจะสามารถดูแลเอาใจใส่ในการทำงานและทำให้องค์กรเติบโตและมั่นคงได้ มากกว่า

คนส่วนใหญ่มักใจร้อนกับธุรกิจนี้ใช้วิธีการชักชวนคนในจำนวนมากๆเข้าว่า  และแนะนำให้ซื้อสินค้าซึ่ง Up-Line ก็หวังผลประโยชน์ในการซื้อสินค้าจาก Down-Line สุดท้ายDown-Line ทำงานไม่เป็นก็ทำให้ตายจากอาชีพนี้และมีอคติกับอาชีพนี้สุดท้ายUp-Line ก็ต้องตายตามไป  ดังนั้นสิ่งที่ควรFocusในการคัดเลือกคนที่จะเข้าร่วมงานคือ                             
1. เขาเปิดใจกับธุรกิจแบบนี้หรือไม่
2. เข้าใจการทำงานอย่างแท้จริงหรือไม่
3. มีมนุษย์สัมพันธ์ดี (ไม่ใช่เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมดก็ไม่เอานะครับ)
4. มีความตั้งใจอย่างแท้จริงและอดทนต่อการเรียนรู้
5. มองเห็นภาพอนาคตในธุรกิจ

อาจ จะดูว่าลำบากในขั้นตอนการเลือกสรรคนแต่จงจำไว้นะครับ  เรามีขุนพลเก่งๆเพียงไม่กี่หยิบมือนั้นมีค่ากว่ามีทหารชั้นเลวหลายร้อยคน  ดังนั้นคุณเองนะครับที่เป็นคนเลือกสรรขุนพลของคุณ



บทความที่ 7 อย่าทำการตลาดที่ฝืนธรรมชาติ


ธรรมชาติมนุษย์นั้นจะใช้อารมณ์เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจในครั้งแรกที่พบอยู่เสมอ  อารมณ์นั้นจะมีอยู่2อย่างคือ รัก และ กลัว   
-  อารมณ์รักคือ  การชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ความปราบปลื้มปิติยินดี  ความสุข  การได้ช่วยเหลือแบ่งปัน  การดึงดูด 
-  กลัว คือ  ระบบป้องกันตนเองที่เห็นว่าไม่ต้องการ  การผลักใส  ความอิจฉาริษยา  ความเห็นแก่ตัว  การกลัวที่จะเสียผลประโยชน์  ความเศร้า  ภาวะความกลัวของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนมีและเลือกเองว่า  สิ่งนั้นเป็นความกลัวสิ่งนี้คือความรัก  คนเรามักหลีกเลี่ยงความกลัว  เช่น  คนทำธุรกิจเครือข่ายเลือกที่จะอยู่เฉยๆไม่ทำงาน  เพราะกลัวที่จะถูกปฏิเสธ 

การ ทำการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาติ  คือ  คนเราไม่ชอบถูกขาย  คุณลองนึกภาพตอนที่คุณยืนเลือกของที่ห้างสรรพสินค้าสิครับ  ถ้าคุณกำลังดูสินค้าอยู่จู่ๆพนักงานก็เดินตรงเข้ามาหาคุณ  คุณรู้สึกอย่างไรครับ  เลี่ยงจากพนักงานใช่มั๊ยครับ  เพราะคุณเองคิดว่าถ้าวันไหนอยากจะซื้อสินค้านั้นจริงๆหรือพร้อมจะซื้อก็จะมา ซื้อเองนะแหละ  วันนี้เพียงมาดูเฉยๆไม่ได้อยากจะซื้อ 

เห็น มั๊ยครับคนเรานั้นไม่ชอบที่จะให้ผู้อื่นมากดดันหรือเร่งเร้าสิ่งต่างๆ  แต่ในสิ่งที่นักธุรกิจเครือข่ายหลายๆท่านกำลังทำอยู่ก็คือการเร่งเร้าการ สร้างความกดดันให้กับผู้มุ่งหวัง  เช่นไปเสนอสินค้ากับเพื่อนๆแนะนำสินค้า  ทั้งขายทั้งเสนอโอกาสทางธุรกิจโดยที่เขาเองก็ยังไม่พร้อมและไม่รู้ข้อมูลรวม ทั้งวิธีการทำงานเลยด้วยซ้ำ  แต่บางคนสนิทๆกันก็อาจจะเกรงใจเราและก็มักพูดว่าอืม  น่าสนใจ  และราคาสมัครก็ราคาไม่แพงก็เลยสมัครไปอย่างนั้นไม่ได้ทำอย่างจริงจังต่อ  แต่บางคนอาจรุนแรงถึงขั้นเสียเพื่อนไปเลยก็มีเพราะไม่อยากจะคุยด้วย 

ธรรมชาติ ของคนนั้น ไม่ชอบง้อใคร  ไม่ชอบขาย  และไม่ชอบให้ถูกขาย  ท่านผู้อ่านครับถามหน่อยครับท่านมาทำธุรกิจเครือข่ายนี้ท่านชอบขายหรือเปล่า ครับชอบง้อคนมั๊ย  และลองมองสิ่งที่ที่ปรึกษาคุณสอนและสิ่งที่คุณทำอยู่สิ  ท่านกำลังง้อคนหรือกำลังโน้วน้าวเขาอยู่หรือไม่ 

การ ทำการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาติคือ  การที่ท่านไม่ต้องไปง้อใคร  เพราะคนที่ท่านกำลังสร้างความสัมพันธ์อยู่นั้นต้องการมันอยู่แล้ว  และสิ่งที่ท่านให้เขาก็คือวิธีการหรือกำลังแก้ปัญหาให้เขาได้ไม่ใช่โน้มน้าว ใจให้เขาสนใจ   ตัวอย่างนะครับ  ท่านเป็นพ่อค้าขายหมูที่เป็นพ่อพันธ์เกรดA  แต่ท่านกลับไปขายให้กับกลุ่มคนที่เป็นอิสลาม  แม้หมูของท่านจะดีเริ่ดขนาดไหนก็คงขายไม่ออกใช่มั๊ยครับ  สิ่งที่ท่านต้องคิดคือท่านมีหมูพ่อพันธ์เกรดAอยู่ ในมือเพียงแค่ท่านไปขายคนที่เขาต้องการหมูพ่อพันธ์อยู่ท่านก็สามารถ ขายออกอย่างง่ายดาย  นั่นก็คือท่านต้องเข้าให้ถูกกลุ่มครับ เข้าผิดกลุ่มแม้ของจะดีขนาดไหนก็ไม่มีใครสนใจครับ 

ฉะนั้นการทำการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาติสิ่งแรกก็คือ   
1. ท่านต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมาย   
2. ท่านมีสินค้าที่เขาต้องการหรือไม่ 
3. ท่านต้องวางกลยุทธ์ในการทำการตลาดต่อบุคคลเหล่านั้นได้ 

เป็น อย่างไรครับการตลาดแบบไม่ฝืนธรรมชาตินั้น  เราเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องง้อใครใช่มั้ยครับ  เขาเองก็ไม่รู้สึกว่าถูกขาย  สิ่งสุดท้ายที่ผมจะขอฝากไว้ก็คือ  การเรียนรู้คือสิ่งสำคัญการเรียนรู้คือบันไดอีกขั้นที่จะมุ่งสู่ความสำเร็จ นะครับ  พยายามทบทวนสิ่งที่ผมเขียนไว้ให้ศึกษาอย่างสม่ำเสมอนะครับ  แล้วท่านจะไม่หลงทางในการทำธุรกิจของท่านเอง  แล้วพบกันใหม่ในบทเรียนต่อไปนะครับ 



บทความที่ 6 เพราะอะไรจึงต้องโปรโมทตัวเอง


สิ่ง ที่ผมพยายามจะบอกและอธิบายให้ฟังก็คือ  สิ่งที่ผมเน้นให้โปรโมทตัวเองและแสดงสิ่งที่เป็นมืออาชีพเพราะ  บริษัททุกบริษัททุกวันนี้แต่ละบริษัทก็จะมีจุดดีจุดเด่นแตกต่างกันไปเพราะ ฉะนั้น  ถ้าจะให้เราไปพูดถึงบริษัทแผนการตลาด หรือ ตัวผลิตภัณฑ์  คงเถียงกันไม่มีวันจบแน่ๆเพราะแต่ละคนก็ต้องพูดว่าบริษัทที่ตัวทำอยู่นั้นดี ที่สุดแต่สิ่งที่แตกต่างกันไปนั้นก็คือ  ทีมและตัวคุณเองตางหากครับ

ทีม และผู้นำทีมสำคัญมากเพราะสิ่งที่จะทำให้คุณสำเร็จนั้นอยู่ที่แผนการทำงานของ ทีมงานของคุณมากกว่า  อย่างเช่นทุกอย่างดีแผนการตลาดดีผลิตภัณฑ์ดี  แต่ไม่อำนวยนำการทำงาน  คุณจะสำเร็จได้อย่างไรครับและที่สำคัญส่วนมากที่ปรึกษาของคุณมักพูดว่างาน ไม่ยากแค่ใช้ดีแล้วบอกต่อ  สิ่งนั้นแหละครับอันตรายมาก!!  เพราะที่ปรึกษาคุณเองก็ไม่ได้เตรียมแผนการทำงานให้คุณ  คุณเองอาจจะมองว่าง่ายแค่ใช้ดีแล้วบอกต่อไม่ได้ขายอะไรซักหน่อย  แต่จุดนั้นแหละครับ คุณเองจะไปบอกต่อใคร  และบอกต่อเขา จะทำกับคุณหรือไม่  และที่ว่าทำงานวันละไม่กี่ ช.ม.เอง  ผมลองทำมาแล้วครับ  เวลาแทบทั้งหมดจะมุ่งไปหาลูกค้า บอกแผนการตลาด เสนอโอกาสดีๆทดลองสินค้าให้เขาดู  อย่างที่ผมเคยพูดไว้คนเราจะมีเกราะป้องกันตัวเองอยู่  ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่นอนครับและคุณก็ต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา และยังต้องมาเสียใจท้อแท้กับสิ่งที่คุณลงทุนไป  ผมไม่ได้บอกว่าวิธีนี้มันไม่ดีนะครับแต่มันเป็นวิธีที่ดีสำหรับบางคนและบาง ช่วงยุคสมัยเท่านั้น   เพราะทุกคนมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป  บางคนเป็นคนกล้าแสดงออก บางคนมีฐานเงินที่ดี บางคนรู้จักคนเยอะ นี่คือสิ่งที่เลียนแบบกันไม่ได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่ที่ปรึกษาของคุณกำลังจะบอกคุณคือสิ่งนี้แหละครับสิ่งที่เลียนแบบ กันไม่ได้ง่ายๆสิ่งนั้นแหละ

ฉะนั้น สิ่งที่คุณต้องโปรโมทไม่ใช่บริษัทแต่เป็นตัวของคุณเอง  เพราะตัวคุณเองถ้ามีแผนการทำงานที่เหมาะสมไม่ว่าคุณจะอยู่ที่บริษัทไหนเขาก็ ต้องติดตามคุณไปแน่เพราะเขาเชื่อแน่ๆว่าถ้าอยู่กับคุณจะต้องสำเร็จ  แต่ผมไม่ได้บอกว่าไม่ต้องดูบริษัทและแผนการตลาดหรือผลิตภัณฑ์นะครับ  สิ่งนั้นก็จำเป็นเหมือนกัน   เพราะต้องดูว่าเขาจ่ายคุณอย่างยุติธรรมหรือไม่  และจ่ายยังไงคุ้มกับตัวคุณหรือเปล่าต้องดูด้วยนะครับ